วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2556

โปรดข้ามถนนตรงทางข้าม

               การที่เราจะข้ามถนนให้ปลอดภัย จะต้องข้ามกันตรงที่ "ทางข้าม" ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ บัญญัติว่า "ทางข้าม" หมายความว่า "พื้นที่ที่ทำไว้สำหรับให้คนเดินเท้าข้ามทาง โดยทำเครื่องหมายเป็นเส้นหรือแนว หรือตอกหมุดไว้บนทาง และให้หมายความรวมถึง พื้นที่ที่ทำให้คนเดินเท้าข้ามไม่ว่าในระดับใต้หรือเหนือพื้นดินด้วย" ได้แก่ ทางม้าลาย และ สะพานลอย เป็นต้น
               เหตุที่ข้ามตรงทางข้ามแล้วปลอดภัย เพราะกฎหมายบัญญัติไว้หลายประการ เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ใช้ความระมัดระวังคนเดินเท้าข้ามถนนเป็นพิเศษ เช่น "เมื่อเห็นสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยว หรือชี้ให้ตรงไป หรือสัญญาณไฟจราจรสีแดงแสดงพร้อมกับสัญญาณจราจรไฟลูกศรสีเขียวชี้ให้เลี้ยว หรือชี้ให้ตรงไป ให้ผู้ขับขี่เลี้ยวรถหรือขับตรงไปได้ตามทิศทางที่ลูกศรชี้ และต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และต้องให้สิทธิแก่คนเดินเท้าในทางข้าม หรือรถที่มาทางขวาก่อน" และ "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นในกรณีดังต่อไปนี้.....ภายในระยะสามสิบเมตรก่อนถึงทางข้าม ทางร่วมทางแยก วงเวียนหรือเกาะที่สร้างไว้ หรือทางเดินรถที่ตัดข้ามทางรถไฟ" และ "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่จอดรถ.....ในทางข้าม หรือ ในระยะสามสิบเมตรจากทางข้าม" และ "ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วมทางแยก ทางข้าม เส้นให้รถหยุด หรือวงเวียน ต้องรถความเร็วรถ" ฯลฯ
               เห็นได้ว่า "ทางข้าม" จะต้องไม่มีสิ่งใดมากีดขวาง เพื่อให้คนเดินข้ามถนนโดยปลอดภัย และผู้ขับรถต้องระมัดระวังและลดความเร็วรถเมื่อเห็นทางข้าม แต่ถ้าคนเดินเท้าไม่ข้ามถนนตรงทางข้ามตามกฎหมาย แต่เป็นทางข้ามที่เดินกันเอาเองและคิดเองว่าเป็นทางข้าม ย่อมถือว่า ผู้นั้นเข้าไปเสี่ยงภัยเอง การที่จะได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายหรือได้รับการเยียวยาเรื่องค่าเสียหายก็ย่อมไม่เต็มที่ แตกต่างจากถูกรถชนในทางข้ามอย่างแน่นอน
               อีกทั้ง คนเดินเท้าไม่ข้ามถนนตรงทางข้าม อาจจะเป็นผู้กระทำผิด ตามมาตรา ๑๐๔ ที่บัญญัติว่า "ภายในระยะไม่เกินหนึ่งเมตร นับจากทางข้าม ห้ามมิให้คนเดินเท้าข้ามทางนอกทางข้าม" ผู้ฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา ๑๔๗ ระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท ถ้ามีเจ้าหน้าที่จราจรพบเห็นผู้ใดเดินข้ามถนน ลอดแผงกั้นกลางถนน  ทั้งที่มีสะพานลอยอยู่ใกล้ ๆ ก็ต้องถูกจับและเสียค่าปรับเป็นแน่แท้
               อย่างไรก็ตาม กฎหมายไทย ยังคงคุ้มครองคนเดินเท้า มากกว่า ผู้ขับรถมาชนคนเดินเท้า โดย มาตรา ๓๒ บัญญัติว่า "ในการใช้ทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องระมัดระวังไม่ให้รถชนหรือโดนคนเดินเท้า ไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทาง และต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้าให้รู้ตัวเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก คนชรา หรือคนพิการที่กำลังใช้ทาง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการควบคุมรถของตน"
               สรุปได้ว่า เมื่อผู้ขับรถชนคนเดินข้ามถนนนอกทางข้าม ฝ่ายที่ได้รับความคุ้มครองคือ คนเดินเท้า แต่กฎหมายก็ได้โอนอ่อนให้ฝ่ายผู้ขับขี่ในเรื่องการให้ประกันตัว โดยบัญญัติว่า "ในกรณีผู้ขับขี่ได้ขับรถชนหรือโดนคนเดินเท้า ที่ข้ามนอกทางข้าม และอยู่ในระหว่างทางข้ามกับเครื่องหมายจราจรแสดงเขตทางข้าม หรือที่ข้ามทางนอกทางข้าม โดยลอด ข้าม หรือผ่านสิ่งปิดกั้น หรือแผงปิดกั้น ที่เจ้าหน้าที่จราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่นำมาวางหรือตั้งอยู่บนทางเท้าหรือกลางถนน เมื่อพนักงานสอบสวนมีเหตุอันควรเชื่อว่า ผู้ขับขี่ซึ่งเป็นผู้ต้องหาได้ใช้ความระมัดระวังตามความในมาตรา ๓๒ แล้ว ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจปล่อยตัวผู้ต้องหาไปชั่วคราวโดยไม่มีประกันได้ เมื่อผู้ต้องหาหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องร้องขอ"  ส่วนจะผิดหรือถูก ก็ไปว่ากันในชั้นพิจารณาของศาล ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ
               สุดท้ายนี้ จึงแนะนำว่า การข้ามถนนที่มิใช่ทางข้ามเป็นการเสี่ยงต่อภยันตรายในชีวิตและร่างกายของตัวเราเอง และมีผลกระทบโดยตรงต่อความเศร้าโศกเสียใจของคนในครอบครัวที่รออยู่ทางบ้าน ส่วนผู้ขับรถชนก็ตกเป็นผู้ต้องหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ได้เจตนาก็ตาม ชิ้นส่วนของรถซ่อมได้ง่าย และชีวิต แขนขา และสมองของผู้ถูกรถชนนั้นซ่อมยาก