วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชนแล้วหนีและไม่ช่วยเหลือจนผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  ๑๕๑๖/๒๕๔๙
ป.วิ.อ. มาตรา ๑๘๕ วรรคหนึ่ง , ๑๙๕ วรรคสาม, ๒๒๕
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐
             โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยขับรถด้วยความเร็วสูงฝ่าฝืนสัญญาณจราจรไฟสีแดงผ่านทางร่วมทางแยกเป็นเหตุให้พุ่งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายที่ ๑ ขับ ทำให้ผู้เสียหายที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้า กระดูกเบ้าตาแตกยุบ ลูกนัยน์ตาทั้งสองข้างชอกช้ำมาก สูญเสียลูกนัยน์ตาซ้ายอย่างถาวร (ตาบอด) อันเป็นอันตรายสาหัส และภายหลังที่จำเลยกระทำความผิดดังกล่าว จำเลยไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควร ไม่ไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส
             ดังนี้ คำบรรยายฟ้องดังกล่าวยังไม่อาจรับฟังว่า การหลบหนีของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ ๑ ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากผู้เสียหายที่ ๑ ต้องได้รับอันตรายสาหัสโดยสูญเสียลูกนัยน์ตาตั้งแต่ขณะถูกรถชนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือตามสมควรฯ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๑๖๐ วรรคสอง แต่เป็นเพียงการขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๗๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา ๑๖๐ วรรคหนึ่ง เท่านั้น
             ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๗๘ และมาตรา ๔๓ (๘) โดยไม่ระบุวรรคและไม่ปรับบทลงโทษมาตรา ๑๖๐ วรรคสาม ด้วยนั้น ไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๕ วรรคสอง ประกอบมาตรา ๒๒๕ พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ จำเลยมีความผิดตามมาตรา ๔๓ (๔) (๘), ๗๘ วรรคหนึ่ง, ๑๕๗, ๑๖๐ วรรคหนึ่งและวรรคสาม